วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

ทักทายขุนเขา หยอกล้อสายหมอกแม่เมย ณ เมืองตาก

 เมื่อเอ่ยถึง "จังหวัดตาก" หลายคนคงนึกถึงสถานท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความหลากหลาย ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ อากาศที่หนาวเย็น ดอกไม้เมืองหนาว ภูเขาสูง แต่วันนี้กระปุกท่องเที่ยวจะพาเพื่อน ๆ ไปชมอีกหนึ่งความงดงามของที่นี่  นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติแม่เมย อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ผ่านบันทึกการเดินทางพร้อมภาพถ่ายแจ่ม ๆ ของ คุณ ชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันจ้า อ๊ะ ๆ แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ซะหน่อย ...

             อุทยานแห่งชาติแม่เมย ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณ ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง และตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 115,800 ไร่ หรือ 185.28 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีที่ราบน้อย โดยมีความสูงเฉลี่ย 680 เมตร จากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุด 1,250 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนพม่า และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกผาเทวะ, ทุ่งหญ้านิรนาม, น้ำตกแม่สลิดน้อย และถ้ำแม่อุสุ ฯลฯ นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 6 ชั่วโมง ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง โดยสามารถติดต่อล่วงหน้าที่อุทยานฯ ได้ อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติแม่เมย กำลังเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและอยากเดินทางขึ้นไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ


7 แห่งในอาหรับ ที่คนรักการผจญภัยตัวจริงต้องไปเยือน


 หากจะบอกว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นหนึ่งในประเทศที่สวยงามน่าไปเยี่ยมเยียนมากที่สุด ก็คงไม่เกินจริงไปเลยสักนิด เพราะเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ความลึกลับ และกลิ่นอายการผจญภัยจากทะเลทรายแบบนี้ คงหาที่ไหนเหมือนได้ยากแน่ ๆ ดังนั้น สถานที่เที่ยวน่าสนใจซึ่งเหมาะกับคนรักการผจญภัยของที่นี่ จึงมีให้เลือกมากมายเต็มไปหมด

          และเพื่อให้คุณวางแผนการไปเที่ยวได้คุ้มค่ากับทริปสำคัญนี้มากที่สุด กระปุกท่องเที่ยวจึงได้รวบรวมสถานที่เที่ยว 7 แห่ง ที่เหมาะสำหรับขาลุยอย่างคุณมาฝากกัน ลองมาดูกันดีกว่าว่าที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะมีสถานที่เที่ยวแบบไหน ที่นักผจญภัยอย่างคุณต้องลองไปเยือนกันบ้าง



1. สนามแข่งรถ Yas Marina

          สำหรับหนุ่ม ๆ ที่มีใจรักการแข่งรถฟอร์มูล่าเป็นที่สุด การไปเที่ยวที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ไม่แวะมาที่สนามแข่งรถ Yas Marina บนเกาะยาสก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทำให้คุณต้องเจ็บใจน่าดูเลยล่ะ เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสนามแข่งรถที่มีทางลาดตรงยาวที่สุดในโลกเลยทีเดียว ซึ่งใครที่สนใจอยากมาลองประสบการณ์ซิ่งรถสักหน่อย ที่นี่ก็มีบริการหลายแบบหลายราคาให้เลือกใช้ โดยการนั่งเป็นผู้โดยสารบน Aston Martin GT4 ภายใต้การขับขี่ของนักแข่งมืออาชีพ หรือร่วมมือกับนักแข่งซิ่งรถ Chevy Camaro ด้วยกันนั้น มีราคาอยู่ที่ 27 เหรียญสหรัฐหรือราว 790 บาท ส่วนใครที่มั่นใจในตัวเองพอจะลุยเดี่ยว การซิ่งรถ Formula Yas 3000 ทดสอบความเร็วก็มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 327 เหรียญสหรัฐ หรือราว 9,600 บาทจ้า


2. ป่าชายเลนอุทยานแห่งชาติทิศตะวันตก

          ลองมาล่องเรือคายักชมธรรมชาติ ที่ป่าชายเลนบริเวณอุทยานแห่งชาติทางทิศตะวันตกของเมืองอาบูดาไบนี้ดูสักครั้ง แล้วคุณจะพบว่าตัวเองได้ความประทับใจไม่รู้ลืมกลับไปแน่นอน จากการที่ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลากว่า 200 สายพันธุ์ และนกอีกกว่า 50 ชนิด เพราะความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้เขียวชอุ่มที่นี่นั่นเอง โดยคุณสามารถจ้างไกด์มาให้ข้อมูลชมธรรมชาติบริเวณนี้ได้ แถมนอกจากทัวร์ชมป่าแล้ว คุณยังสามารถตกปลาและเรียน "คาโยคะ" โยคะแบบพิเศษของโรงแรม Anantara Eastern Mangroves Hotel ในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย



3. ทะเลทราย Rub' al Khali

          ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์เสียวไส้อยู่ล่ะก็ รับรองได้ว่าการมาขับรถ SUVs ผาดโผนกลางทะเลทราย Rub' al Khali จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะทะเลทรายแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 6.4 แสนล้านตารางเมตร แถมมีเนินทรายสูงชันมากมาย โดยบางอันสูงถึง 298 เมตรเลยด้วยซ้ำ การขับรถไต่เนินทรายจึงนับว่าเป็นความท้าทายที่หาได้ยาก และนอกจากภารกิจไต่เนินทรายแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาล่าเหยื่อด้วยนกตระกูลเหยี่ยว, ขี่อูฐ, ตั้งแคมป์ ไปจนถึงการเล่นแซนด์บอร์ดดิ้งที่คล้ายกับการเล่นสโนว์บอร์ดนั่นเอง



4. ถนน Al Khaleej Al Arabi

          จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ปั่นจักรยานรับลมเย็นสบาย พร้อม ๆ กับชมวิวสวยข้างทางไปพลาง ๆ อีกล่ะ ซึ่งที่ถนน Al Khaleej Al Arabi เป็นทางปั่นจักรยานที่มีชื่อเสียงจนนักปั่นทั้งหลายรู้จักดีเลยเชียวล่ะ โดยตลอดระยะทางจากถนนไปสู่หมู่บ้านมาริน่า คุณจะได้ปั่นจักรยานเลียบชายฝั่งรับลมทะเลให้ชื่นใจ ซึ่งราคาค่าเช่าจักรยานนั้นอยู่ที่ 5 เหรียญสหรัฐ หรือราว 140 บาท ต่อชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่ และ 4 เหรียญสหรัฐ หรือราว 110 บาท ต่อชั่วโมงสำหรับเด็ก หรือจะเลือกเป็นแบบเหมาจ่าย 15 ชั่วโมงในราคาเพียงแค่ 54 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,500 บาท เท่านั้นก็ได้




5. ภูเขา Hajar


          เลือกใส่รองเท้าบูทคู่ใจแล้วเตรียมตัวไปปีนเขาที่ภูเขา Hajar ในเมือง อัล เอน กันเลย เพื่อจะได้ทำให้ทริปของคุณคุ้มค่าสมกับเป็นนักผจญภัยมากขึ้น ซึ่งความสูงราว 2,900 เมตรจากพื้นดินนั้น ทำให้มันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในแถบตะวันออกของคาบสมุทรอาหรับเลยทีเดียว และการจะปีนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จนบางคนไม่สามารถใช้เวลาภายในวันเดียวทำได้สำเร็จด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดี ถ้าคุณใจรักจะไปชมวิวบนยอดเขาให้ได้ แต่เกรงว่าจะปีนขึ้นไปไม่ไหว ที่นี่ก็มีทางเดินขึ้นบันไดไว้บริการมือใหม่อย่างคุณด้วยเหมือนกันจ้า



6. Ski Dubai


          การเดินชมทะเลทรายแม้จะสวยก็เถอะ แต่ถ้าต้องทนกับแดดร้อนจัดไปตลอดทั้งวันก็คงไม่ไหวใช่ไหมล่ะ? ดังนั้น แวะมาพักในที่เย็น ๆ กันบ้างดีกว่า อย่างที่ Ski Dubai สกีรีสอร์ทในร่มแห่งแรกของแถบตะวันออกกลางนี้ยังไงล่ะ โดยพื้นที่ใหญ่กว่า 2.2 หมื่นตารางเมตรนี้ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนทั่วไปหมด และมีระดับความยากในการเล่นสกีให้เลือกตามความถนัด แถมยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เสริมอย่างการชมนกเพนกวิน, สไลด์ลงท่อหิมะ และวิ่งในบอลยักษ์อีกต่างหาก




7. ขี่ม้าชมทะเลทราย

          ไม่เห็นจำเป็นต้องขี่อูฐเท่านั้นถึงจะชมทะเลทรายได้ ในเมื่อการขี่ม้านั้นรวดเร็วคล่องแคล่วปราดเปรียวกว่าเป็นไหน ๆ ซึ่งที่ Mushrif Equestrian and Polo Club มีบริการให้คุณขี่ม้าตามถนน Mushrif Park off Al Khawaneej ในช่วง 2 ทุ่ม ราวชั่วโมงครึ่งเพื่อชมดวงจันทร์กลางทะเลทรายในราคา 82 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,400 บาท ในขณะที่คนอยากขี่ม้าชมทะเลทรายในช่วงกลางวัน อาจเปลี่ยนไปใช้บริการของบริษัท Al Jiyad Stables ที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาพร้อมแทนได้เช่นกัน


          เรียกได้ว่าแต่ละที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย และคงทำให้คนรักการผจญภัยอย่างคุณ ได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ากลับไปเป็นของที่ระลึกแน่นอน ดังนั้น อย่ามัวรอช้า หากมีโอกาสไปเที่ยวที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อไหร่ อย่าลืมสนุกกับสถานที่เที่ยวเด็ด ๆ เหล่านี้ให้เต็มที่ และเก็บเรื่องราวดี ๆ มาเล่าต่อให้เพื่อน ๆ ฟังกันด้วยนะคะ

ทำความรู้จัก 12 เขื่อนสูงที่สุดจากทั่วมุมโลก



  เขื่อนเป็นสิ่งก่อสร้างที่เกิดมาจากความอุตสาหะและความชาญฉลาดของมนุษย์ ซึ่งบางแห่งก็สร้างขึ้นเพื่อใช้ควบคุมแม่น้ำป้องกันอุทกภัยในระดับหนึ่ง ในขณะที่บางที่ทำขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำเอามาหมุนเวียนใช้เป็นพลังงาน ทำให้แต่ละที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป มิหนำซ้ำยังมีนักออกแบบมากมายที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เขื่อนแบบเดิม ๆ สวยงามยิ่งขึ้นจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปได้อีกด้วย 

          แล้วคุณเคยสงสัยบ้างหรือเปล่าว่า เขื่อนแห่งไหนกันที่จะมีขนาดสูงที่สุดในโลก ซึ่งถ้าคุณอยากรู้ล่ะก็ วันนี้กระปุกดอทคอมได้เอาคำตอบมาฝากคุณแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าว่าเขื่อนที่สูงที่สุดในโลก 12 อันดับ มาจากที่ไหนกันบ้าง



 1. เขื่อน Nurek, สาธารณรัฐทาจิกิสถาน

          บริเวณแม่น้ำ Vakhsh สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ซึ่งนับเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในเอเชียกลาง แถมยังขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในสหภาพโซเวียตอีกด้วย แต่มันกลับเป็นบ้านเกิดของเขื่อนที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงราว 300 เมตรนี้ โดยสหภาพโซเวียตสร้างมันขึ้นตั้งแต่ปี 1961 ก่อนจะเสร็จสิ้นในปี 1980 และติดตั้งเครื่องไฮโดรอิเล็คทริคไว้ถึง 9 อันด้วยกัน เพื่อใช้ในการหมุนเวียนพลังงาน แถมน้ำที่กักเก็บไว้ในเขื่อนยังมากที่สุดในสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ทำให้มันเป็นแหล่งสร้างพลังงานน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว 


 2. เขื่อน Xiaowan, ประเทศจีน

          มาต่อด้วยเขื่อนอันดับ 2 ซึ่งมาจากทวีปเอเชียเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือประเทศมหาอำนาจอย่างจีนนั่นเอง โดยมันถูกสร้างขึ้นเพื่อหมุนเวียนพลังงานน้ำเป็นหลักในเดือนมกราคมปี 2002 เขื่อนบริเวณแม่น้ำโขง มณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของประเทศจีนแห่งนี้ จึงได้ติดตั้งเครื่องไฮโดรอิเล็คทริคที่มีประสิทธิภาพการทำงาน 700 MW ต่อยูนิตเอาไว้ด้วย ในขณะที่มีความสูงของเขื่อนอยู่ที่ 292 เมตร



 3. เขื่อน Grande Dixence, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

          ข้ามมาทางฝั่งยุโรปกันบ้าง โดยเขื่อน Grande Dixence นี้มีความสูงอยู่ที่ 285 เมตร ตั้งอยู่ในหุบเขา Val d'Hérens ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และแม้มันจะไม่ได้สูงที่สุดในโลก แต่หากนับเฉพาะเขื่อนคอนกรีตแบบถ่วงน้ำหนักด้วยกันแล้วล่ะก็ เขื่อนแห่งนี้จะเป็นเขื่อนคอนกรีตแบบถ่วงน้ำหนักที่สูงเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยทีเดียว




 4. เขื่อน Inguri, ประเทศจอร์เจีย

          เขื่อนบริเวณแม่น้ำ Inguri แห่งนี้เป็นเขื่อนสูงอันดับ 4 ของโลก รวมทั้งเป็นเขื่อนสร้างจากคอนกรีตที่สูงเป็นอันดับ 2 ในเวลาเดียวกัน ด้วยความสูง 272 เมตร ซึ่งนอกจากมันจะเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำเอาไว้แปรเป็นพลังงานได้มากมายมหาศาลแล้ว ทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มโอบล้อมด้วยภูเขารอบข้าง ยังทำให้มันเป็นหนึ่งในเขื่อนที่งดงามควรค่าแก่การเยี่ยมชมสักครั้งอีกด้วย




 5. เขื่อน Vajont, ประเทศอิตาลี

          นับแต่ปี 1959 เขื่อนที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำ Vajont ทางตอนเหนือของกรุงเวนิส ในประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ความโรแมนติกอย่างอิตาลี ก็กลายมาเป็นหนึ่งในภาพคุ้นตามาตลอด แม้ปัจจุบัน มันจะไม่ได้ถูกใช้งานแต่อย่างใดแล้วก็ตาม แถมเมื่อปี 1963 ยังเกิดเหตุน่าเศร้าเมื่อดินถล่มทำให้มีคนตาย ณ ที่นั่นกว่า 2 พันคนอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงเป็นเขื่อนที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลกด้วยความสูง 262 เมตร อยู่ดี



 6. เขื่อน Manuel Moreno Torres, ประเทศเม็กซิโก

          หรืออีกชื่อว่า Sumidero Canyon แห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศเม็กซิโกเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงแค่เขื่อนกักเก็บน้ำธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่เขื่อนสูง 261 เมตรแห่งนี้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าตามธรรมชาติมากมาย รวมไปถึงจระเข้ด้วย มันจึงเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวรักธรรมชาติทั้งหลายแห่แหนกันมาเที่ยวในสถานที่แห่งนี้


 7. เขื่อน Tehri, ประเทศอินเดีย

          หากจะมองหาเขื่อนที่เกิดมาเพื่อถูกใช้งานจริงล่ะก็ เขื่อนหินบริเวณแม่น้ำ Bhagirathi แห่งนี้น่าจะใกล้เคียงกับคำนั้นมากที่สุด เพราะทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานน้ำให้ทั้ง Tehri Hydro Development Corporation Ltd. และ the Tehri hydroelectric complex จึงเรียกได้ว่ามันมีส่วนสำคัญสำหรับการเติบโตทางด้านธุรกิจของประเทศอินเดียอยู่ไม่น้อย โดยเขื่อนแห่งนี้มีความสูงใกล้เคียงกับเขื่อน Manuel Moreno Torres ที่ 261 เมตร และห่างกันเพียง 2 ฟุตเท่านั้น




 8. เขื่อน Mauvoisin, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

          มองเผิน ๆ เขื่อนสูง 250 เมตรนี้อาจจะดูเหมือนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ปราศจากสิ่งก่อสร้างด้วยฝีมือมนุษย์โดยสิ้นเชิง แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเขื่อนประตูโค้งที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว แต่เมื่อมาถึงแล้ว คนอาจลืมมองที่กั้นเขื่อนไปเลยก็ได้ เพราะภาพน้ำสีฟ้าใสสะอาดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตัดกับภูเขาที่โอบล้อม เกิดเป็นทัศนียภาพงดงามเหมือนภาพเขียนเลยทีเดียว



 9. เขื่อน Laxiwa, ประเทศจีน

          ใช่ว่าประเทศมหาอำนาจอย่างจีนจะมีเขื่อนสูงใหญ่เพียงแค่เขื่อน Xiaowan แห่งเดียวเท่านั้น เพราะเขื่อน Laxiwa ในแม่น้ำ Yellow ที่เซี่ยงไฮ้ ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย โดยมันมีความสูงอยู่ที่ 250 เมตร และติดตั้งเครื่องไฮโดรอิเล็คทริคที่มีประสิทธิภาพการทำงาน 700 MW ต่อยูนิตถึง 6 เครื่อง ทำให้มีกำลังการทำงานมากจนเป็นแหล่งพลังงานหลัก ๆ ของเซี่ยงไฮ้ไปโดยปริยาย

 10. เขื่อน Deriner, ประเทศตุรกี

          ณ ตอนใต้ของเมือง Artvin บริเวณแม่น้ำ Çoruh ประเทศตุรกี คือที่ตั้งของเขื่อนทรงโค้งสูง 249 เมตร ที่สร้างจากคอนกรีต 2 ชั้น และมันก็เป็นเขื่อนอีกแห่งที่มีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานเช่นกัน โดยตอนนี้มันยังอยู่ในระหว่างการสร้าง หลังจากเริ่มต้นลงมือเมื่อปี 1998 และได้เริ่มบรรจุน้ำเข้าไปในปี 2012 ที่ผ่านมานี้เอง และคาดว่าจะสำเร็จเรียบร้อยภายในปีนี้


 11. เขื่อน Alberto Lleras, สาธารณรัฐโคลอมเบีย

          ท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติแสน สวยบนแม่น้ำ Guavio สาธารณรัฐโคลอมเบียแห่งนี้ คือเขื่อน Alberto Lleras สูง 243 เมตร ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1989 และมีเครื่องไฮโดรอิเล็คทริคที่มีประสิทธิภาพการทำงาน 1,150 MW ต่อยูนิตติดตั้งเอาไว้ด้วย ดังนั้น ประสิทธิภาพเรื่องการหมุนเวียนสร้างพลังงานจากน้ำคงไม่ต้องสงสัยกันเลยล่ะ


 12. เขื่อน Mica, ประเทศแคนาดา

          และแล้วก็มาถึงอันสุดท้าย ซึ่งก็คือเขื่อน Mica สูง 243 เมตร บนแม่น้ำโคลัมเบียอันงดงามของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา โดยชื่อของมันมาจาก Mica Creek หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตอนนี้จมลงไปใต้น้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ในที่สูงกว่าเดิม ต่อมาเมื่อปี 2005 หมู่บ้านนี้ก็ไม่มีคนอาศัยอยู่อีก แม้จะยังคงมีตัวบ้านแบบเก่าหลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูเหลืออยู่บ้างก็ตาม และเมื่อเขื่อนประกอบกับภาพหมู่บ้านเก่ามาอยู่ด้วยกัน มันจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยียนไม่น้อยเลยล่ะ


          ทั้งนี้ กว่าจะเกิดเป็นเขื่อนสูงตระการตาแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยทีเดียว เพราะต้องใช้เวลาสร้างอยู่นาน ต่อมาก็ต้องบำรุงรักษาอยู่ตลอด แล้วไหนจะต้องทุ่มงบเป็นเงินมหาศาลอีก มันจึงเป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังอย่างเรา ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาสถาปัตยกรรมที่มีค่าแบบนี้เอาไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมต่อไปนะคะ

เพ ลา เพลิน ที่ท่องเที่ยวเชิงศึกษาแห่งใหม่ของบุรีรัมย์


 ถ้าพูดถึงจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวโบราณอย่าง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อารยธรรมขอมโบราณ แต่วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเราขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวเชิงความรู้ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ล่าสุด นั่นก็คือ เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ (PLAY LA PLOEN : Boutique Resort & Adventure Camp) ซึ่งจะมีส่วนไหนน่าสนใจบ้างนั้น ตามเราไปทัวร์กันเลยจ้า
            เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ เป็นแหล่งพักผ่อนและแหล่งเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในมีทั้ง บูติค รีสอร์ท สถานที่จัดสัมมนา จัดทัศนศึกษาแบบพักแรมและแบบเช้าไปเย็นกลับสำหรับเยาวชน ประกอบไปด้วยหลากหลายโซน เช่น...

            โซนต้อนรับ ชั้นล่างเป็นห้องโถงรับรอง พักผ่อน และมุมกาแฟ ชั้นบนจัดเป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่และขนาดเล็ก จัดสัมมนา สำหรับ 50, 100  หรือ 150 ท่าน และมีห้องจัดเลี้ยงด้วย

            โซนของที่ระลึกจากทั่วโลกและจากทุกภาคของไทย

            โซนเด็ก ประกอบไปด้วย London Bus, Locomotive Train  ซึ่งเด็กเล็กสามารถค้นคว้าและมีมุมให้ความรู้มากมาย เช่น มุมชั่ง ตวง วัด และมุมนิทาน นับได้ว่าเป็นของเล่นสำหรับเด็กเล็ก เพื่อพัฒนาผู้เรียนรู้แห่งใหม่ในประเทศไทย
            โซนสวนสไตล์อังกฤษ

            โซนกาลครั้งหนึ่งแกลเลอรี่ จัดแสดงนิทรรศการเพื่อการศึกษาเรียนรู้วิวัฒนาการของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และของใช้ในชีวิตประจำวันของคนรุ่นเก่าที่หาชมได้ยาก

            โซนฟาร์มม้าแคระนำเข้าจากอังกฤษ และฟาร์มแกะ

            โซนแอดเวนเจอร์ แคมป์ ซึ่งมีการจำลองมรดกโลก หรือสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น กำแพงเมืองจีน, หอไอเฟล, สะพานทาวเวอร์บริดจ์, หอเอนเมืองปิซา และสโตนเฮนจ์

            โซนขับรถ ATV รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ  อีกมากมาย

            ในส่วนของ บูติค รีสอร์ท นั้น ที่นี่มีบริการห้องพักแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ...

            โซนเอเชีย : ชั้นล่างจำนวน 10 ห้อง ห้องพักเน้นการตกแต่งแบบเอเชีย 10 ประเทศ คือ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม จีน เกาหลี ญี่ปุ่น  มาเลเซีย และอินเดีย ซึ่งเป็นการตกแต่งตามเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละเทศ และให้ความรู้แก่ผู้เข้าพัก ตั้งแต่กลิ่นอาย และบรรยากาศแบบเอเชีย

            โซนยุโรป : ชั้นบนจำนวน 10 ห้อง ห้องพักเน้นตกแต่งแบบยุโรป ของที่ใช้ในการตกแต่งห้องบางส่วนได้นำเข้ามาจากแต่ละประเทศนั้น ๆ เช่น ห้องลอนดอน, ปารีส, อิตาลี, สวีเดน และโรม เป็นต้น


  ด้านโซนมันส์ ๆ อย่าง แอดเวนเจอร์ แคมป์ ก็เน้นการตกแต่งและเสริมสร้างบรรยากาศตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้สัมผัส เช่น บริเวณ ทางเข้าล็อบบี้ จัดทำป้าย PLAY LA PLOEN ขนาดใหญ่บนเนิน ยาว 14 เมตร และมีสัญลักษณ์ LONDON EYE หมุนให้ชมตลอดเวลา และภายในล็อบบี้จะจัดเน้นคอนเซ็ปต์  "Journey with Play La Ploen"บรรยากาศและของตกแต่งได้นำเข้ามาจากหลากหลาย ประเทศทั้งเอเชียและยุโรป นอกจากนี้ ในแต่ละโซนของแอดเวนเจอร์ แคมป์ ยังมีคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อเสริมความรู้อีกด้วยค่ะ ได้แก่…

       1. ฐานกิจกรรมหอไอเฟล (Eiffel Tower)

            กิจกรรมเลื่อนข้ามลำน้ำ (Flying Fox) หรือที่เรียกกันว่า "จิ้งจอกเหินเวหา” ความหมายนั้นอาจหมายถึงค้างคาวที่มีลักษณะเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่บินได้ ลักษณะพิเศษของกิจกรรมนี้ คือเสมือนได้บินไปในอากาศซึ่งควบคุมด้วยสลิงและรอกเลื่อน ทำให้เกิดความสนุกสนาน ความตื่นเต้นในการทำกิจกรรม หรืออาจมีการกำหนดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น โยนอุปกรณ์ให้ลงเป้าที่วางไว้ หรือเกมโยนระเบิด โดยส่วนประกอบของกิจกรรม (Flying Fox) ใช้หอเป็นฐานสูง ติดตั้งสลิงพร้อมรอกลูกปืนเพื่อข้ามไปฝั่ง ตรงข้ามระยะทาง 20 เมตร ความชันที่ 3 องศา เพื่อให้รอกวิ่งได้ ทั้งนี้ ได้มีการทำระบบควบคุมความเร็วและฐานรับสลิง



         2. ฐานปีนกำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)

            กิจกรรมที่ 1 ปีนกำแพงหน้าผา (Climbing Wall) ซึ่งมีการสร้างกำแพงที่จำลองมาจาก กำแพงเมืองจีน และใช้กำแพงเมืองจีน เป็นส่วนประกอบของฐานหลัก รวมทั้งติดปุ่มหินเทียม Hand Hold สำหรับจับในการปีนผา ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้อุปกรณ์ต้อง Safety ตามมาตรฐานสากล

            กิจกรรมที่ 2 กิจกรรม ส่วนนี้เป็นการปีนตาข่ายเชือกใยแมงมุม (Climbing Rope Nets) "Spider" ใช้ตาข่ายเชือกประกอบเข้ากับกำแพงเมืองจีน เป็นทางเลือกในการปีน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย

            กิจกรรมที่ 3 คือการเดินข้ามสะพานตาข่ายเชื่อมระหว่างกำแพงเมืองไปยังหอไอเฟล ซึ่งภายในมีการทำเพิ่มเติมให้เป็นอุโมงค์ไม้เลื้อยเพื่อความสวยงามและร่ม รื่น



            3. ฐานสะพานทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)
            เป็นกิจกรรมที่จำลองมาจาก สะพานทาวเวอร์บริดจ์ ของประเทศอังกฤษ เน้นกิจกรรมการจำลองฐานต่อจากรอกข้ามลำน้ำเพื่อเดินข้ามสะพานเชือก, การฝึกทรงตัวในที่แคบหรือการเดินเพื่อลำเลียงสิ่งของ ซึ่งรับรองกิจกรรมทุกอย่างมีความปลอดภัย ตามการ Safety ตามมาตรฐานสากล

            อ๊ะ ๆ ยังไม่หมดเท่านั้น แอดเวนเจอร์ แคมป์ ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย ทั้งมีให้อาหารแกะและม้าแคระ, กิจกรรมปืนหน้าผา, ขับรถ ATV, พายเรือคายัก และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีร้านกาแฟและเบเกอรี่ บางส่วนอยู่ในระหว่างการก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ค่ะ แต่จะเพิ่มกิจกรรมในเนื้อที่อีก 20 กว่าไร่ แน่นอน

            ใครที่สนใจหรืออยู่ใกล้ และกำลังหาที่เที่ยวแบบครอบครัวให้เด็ก ๆ ได้เที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน ก็สามารถเดินทางไปเที่ยว เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ ได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ รับรองได้ทั้งความสนุกได้ทั้งความรู้แน่นอน



            ที่ตั้ง : 252 อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

          
  อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 เด็ก 20 บาท

          
  ส่วนการบริการด้านที่พัก : ค่าห้องปกติอยู่ที่ 2,500 บาท ค่าห้อง VIP ราคา 3,500 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบก่อนจอง)

          
  วันเวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 17.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00 - 20.00 น.

          
  โทรศัพท์ : 044-699 435, 087-797 6425

          
  เว็บไซต์ : playlaploen.com และ เฟซบุ๊ก PlayLaPloen

ย้อนวันวาน ณ ซืนวาน จังหวัดอุบลราชธานี


 อุบลราชธานี...ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น ผาแต้ม ดงป่านาทาม เสาเฉลียง น้ำตกลงรู แก่งตะนะ ช่องเม็ก แม่น้ำสองสี เขื่อนปากมูล และอีกหลายสถานที่ที่มีชื่อเสียง แต่วันนี้กระปุกท่องเที่ยวมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ มาแนะนำ สำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวสไตล์ย้อนอดีต นั่นก็คือ ซืนวาน นั่นแน่! เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า ซืนวาน คืออะไร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหน เพราะฉะนั้น เราเลยขออาสาเป็นไกด์พาเพื่อน ๆ ไปอินไซด์ "ซืนวาน" กันจ้า พร้อมแล้วก็ตามมาเลย

          คำว่า "ซืนวาน" เป็นการสลับคำกับคำว่า "วานซืน" หมายถึง วันที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นคำท้องถิ่นของภาคอีสาน ที่นำมาใช้ตั้งชื่อสถานที่ท่องเทียวแห่งนี้ เพื่อให้จดจำได้ง่ายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยสื่อความหมายไปถึงยุคเก่าก่อน แถมได้ผสานกับความใหม่ร่วมสมัย พร้อมกลิ่นอายของวัฒนธรรมของคนอีสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

          ซึ่ง ซืนวาน มีที่มาจากการบอกเล่าเรื่องราวของคุณพ่อคุณแม่ถึงความหลัง เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยการนำข้าวของเครื่องใช้มาประกอบเรื่องราว แนวคิดย้อนความหลังอันแสนหวาน จึงเป็นที่มาของ Community Mall แห่งใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี ที่เรียกว่า "ซืนวาน"


ซืนวาน หรือ ตลาดซืนวาน ตั้งอยู่ถนนสถลมาร์ค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ 5 ไร่เศษ ประกอบด้วยอาคารไม้ชั้นเดียวสีน้ำตาลเข้ม ที่ชวนให้หวนระลึกถึงบ้านหลังเก่าอันอบอุ่น เสริมเติมแต่งด้วยสิ่งคุ้นเคยเมื่อวันวาน โดยการนำข้าวของเครื่องใช้ในอดีต เช่น ผ้าขาวม้า กระติบข้าวเหนียว หรือเอกลักษณ์อื่น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงวิถีชีวิตของชาวอุบลฯ มาประกอบเรื่องราว ภายใต้บรรยากาศต้นไม้และดอกไม้ ที่ร่มรื่น รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ เช่น ร้านกาแฟสด โซนร้านอาหาร โซนขายเสื้อผ้า ขายของที่ระลึก ที่มีให้ได้เลือกชมและเลือกชิมกันอย่างเพลิดเพลิน

          และนอกจากชิม ช้อป ภายใน ซืนวาน แล้ว จุดขายสำคัญอยู่ที่การปลดปล่อยอารมณ์ไปกับการเดินชม เดินเที่ยว พร้อมถ่ายรูปแนว ๆ ไปกับบรรยากาศของเก่า ๆ สมัยอดีตรอบ ๆ ตัว ซึ่งช่วยขุดคุ้ยความทรงจำให้ฟุ้งกระจายแจ่มชัด โดนใจทั้งวัยผู้ใหญ่หรือวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็น โมเดลยอดมนุษย์อุลตร้าแมน, โมเดลอีที มนุษย์ต่างดาวจากหนังอมตะกว่า 3 ทศวรรษก่อน, เก้าอี้ร้านตัดผมสมัยคุณพ่อไปโรงเรียน, ตู้ไปรษณีย์สีแดงสดรูปทรงแปลกตา, วิทยุ-โทรทัศน์ ในยุคที่อินเทอร์เน็ตยังไม่เกิด หรือโปสเตอร์ภาพวาดภาพยนตร์ในหลายสิบปีก่อนสีสันสดใส โดยของเก่าที่นำมาตกแต่งเพิ่มเติมบรรยากาศความหลังทั้งหมดนั้น ประมาณร้อยละ 80 คือของสะสมที่เก่าจริง ส่วนที่เหลือเป็นของเก่าผลิตใหม่ เนื่องจากหายากในปัจจุบันแต่ทุกอย่างก็ล้วนเข้ากันได้อย่างกลมกลืนในซืนวาน

          นอกจากจะมีสินค้าให้เลือกซื้อกันแบบจุใจแล้ว ซืนวาน ยังมีการจัดจุดถ่ายรูปในมุมต่าง เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำและให้ความรู้สึกเหมือนกับกลายเป็นวัยรุ่น เหมือนได้ย้อนวัยไปอีกครั้ง กับบรรยากาศในอดีตสมัยรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ที่ใช้ของเก่าเก็บที่ยังหลงเหลืออยู่ และของเก่าที่ผลิตขึ้นมาใหม่ มาผสมกลมกลืนให้แปลกใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

          สำหรับใครที่สนใจหรือมีโอกาสแวะเวียนเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานี ก็สามารถเดินทางไปเที่ยว "ซืนวาน" ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น.- 20.00 น. โดยติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของซืนวานได้ที่  http://www.facebook.com/zuenwan


วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ดอนหอยหลอด ท่องเที่ยวใกล้กรุงฯ ในจังหวัดสมุทรสงคราม


ดอนหอยหลอด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทรายมีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 3 กิโลเมตร ยาว 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพฯ แค่ชั่วโมงกว่าๆ 
ดอนหอยหลอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว คือ หอยหลอด กล่าวกันว่าเป็นแหล่งที่มีหอยหลอดชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
เมื่อมาถึงก็แวะนมัสการศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนเดินชมบรรยากาศโดยรอบหาของกินอร่อยๆ ซึ่งแถวนี้มีร้านอาหารให้เลือกหลายร้าน
ทั้งนี้ยังมีร้านขายสินค้าพื้นเมือง เช่น อาหารทะเลแห้ง อาหารทะเลสดหลายอย่างมากมาย อิ่มแล้ว สุดท้ายก็จบลงด้วยปูเสื่อนั่งชมธรรมชาติ

เที่ยวทำบุญไหว้พระ 4 วัดในพระนคร


ผ่านวันปีใหม่ไทยหรือวันสงกรานต์กันไปแล้ว หลายคนคงออกไปเล่นน้ำกันสะใจ จนลืมทำบุญไหว้พระกัน ถนนข้าวสารซึ่งมีผู้คนไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติมาเล่นน้ำกันอย่างล้นหลามทุกปี ก็มีหลายวัดที่น่าเข้าไป "ทำบุญไหว้พระ" ในวันนี้ "นายรอบรู้" ขอพาคุณไปรับบุญกันที่วัดสำคัญ4 วัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนข้าวสารถ้าพร้อมแล้วตามเรามาเลย!
บริเวณด้านหน้าวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร มีเสาชิงช้าเป็นจุดเด่น
เริ่มต้นที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ใจกลางพระนคร ด้านหน้ามีเสาชิงช้าตั้งอยู่เป็นจุดเด่น อาคารต่างๆ ในวัดเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่ออกแบบอย่างสวยงามโดดเด่น และประดับตกแต่งด้วยศิลปะจีนผสมผสานกันอย่างลงตัวให้เราเดินชมได้ไม่มีเบื่อ อาคารที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดชมคือพระวิหารหลวง ซึ่งมีภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่และงดงาม รวมทั้งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์สำคัญ นั่นคือพระศรีศากยมุนี ซึ่งหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ สร้างสมัยราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ให้เราได้กราบไหว้นำบุญกลับบ้านแบบอิ่มอกอิ่มใจในวันสงกรานต์ปีนี้ทางวัดยังมีการจัดงาน "เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์"ซึ่งมีการเทศน์มหาชาดก 13 กัณฑ์และพิธีสวดนพเคราะห์เสริมดวงชะตาอีกด้วย
พระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปองค์สำคัญที่ประดิษฐานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร
จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร
แต่ถ้ายังรู้สึกไม่อิ่มบุญก็ขอชวนให้ไปต่อที่วัดที่สอง ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดแรกสามารถเดินไปได้แต่หน้าร้อนอย่างนี้พกร่มไปหน่อยน่าจะก็ดี วัดที่กล่าวถึงคือวัดราชบพิธสถิตมหาสีรามราชวรวิหารซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 วัดราชบพิธฯ แห่งนี้มีสิ่งที่น่าชมตั้งแต่ประตูทางเข้ากันเลยทีเดียว วัดอื่นๆประตูส่วนใหญจะเป็นรูปเทวดาแต่วัดนี้กลับเป็นทหารในชุดเครื่องแบบทหารซึ่งแต่ละประตูเครื่องแบบจะไม่ซ้ำกันเลย
พระพุทธอังคีรสประดิษฐานในพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยศิลปะกอทิก
เจดีย์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ภายในวัดมีเจดีย์สีทองขนาดใหญ่อยู่กลางวัดล้อมรอบด้วยพระระเบียง มีพระอุโบสถทางทิศเหนือและพระวิหารทางทิศใต้ ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของวัดคือพระอุโบสถที่ด้านนอกเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแต่ด้านในเป็นศิลปะกอทิกแบบยุโรป ผนังภายในพระอุโบสถมีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีลายเส้นอันซับซ้อนโครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลมภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญคือพระพุทธอังคีรสและพระนิรันตราย ซึ่งทั้งสององค์มีพุทธลักษณะที่งดงามน่าเลื่อมใสศรัทธา โดยสงกรานต์ปีนี้ทางวัดมีการจัดสรงน้ำพระรอบเจดีย์อีกด้วย
นอกจากสองสถานที่ทำบุญที่ "นายรอบรู้" กล่าวไปยังเหลืออีกสองที่ที่อยากแนะนำให้ไปชมกัน คือวัดราชนัดดารามวรวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3จุดเด่นของที่นี่คือเมื่อมาถึงจะเห็นโลหะปราสาทเป็นอย่างแรกโลหะปราสาทมียอดทั้งหมด 37 ยอด นับเป็นโลหะปราสาทที่เหลือเพียงแห่งเดียวในโลก ภายในพระอุโบสถมีพระเสฎฐตมมุนีที่หล่อขึ้นจากแร่ทองแดงตั้งประดิษฐานอยู่ อีกสิ่งทำให้วัดนี้แปลกตากว่าที่อื่นคือจิตรกรรมฝาผนังที่วาดเป็นรูปเทวดาจากกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง 27 กลุ่มพร้อมระบุชื่อดาวฤกษ์นั้นๆ ด้วย เช่น ดาวลูกไก่ ดาวม้า ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆ ที่มักวาดเป็นรูปพุทธประวัติและชาดก
พระอุโบสถวัดราชนัดดารามวรวิหาร
ส่วนวัดสุดท้ายขอเอาใจคนไทยเชื้อสายจีนที่อยากทำบุญในวันสงกรานต์ สามารถไปไหว้พระได้ที่วัดทิพยาวารีซึ่งเคยเป็นวัดมอญที่กลายมาเป็นวัดจีนในปัจจุบัน วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยตลาดบ้านหม้อที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายจุดเด่นในวัดจะมีเทพของชาวจีนประดิษฐานอยู่จำนวนมาก เช่น หมออูโต๋ว, เทพปรองดองหรือเทพแห่งความรัก, เทพขุนพลเอี่ยยิ่ม, องค์ซำกวง หรือเทพ 3 ตา, พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและเทพมังกรเขียวผู้ปกป้องบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือบ่อน้ำทิพย์อันเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้นั่นเอง หลังจากกราบไหว้แล้วอย่าลืมสรงน้ำพระพุทธองค์เล็กด้านหน้าทางเข้าเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตในวันสงกรานต์ปีนี้ด้วย
เทพมังกรเขียวผู้ปกป้องบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในวัดทิพยาวารีวิหาร
นอกจากที่ "นายรอบรู้"แนะนำแล้ว ในเขตพระนครก็ยังมีอีกหลายวัดให้เลือกไปทำบุญได้ตามสะดวก หรือจะไปทำบุญที่วัดอื่นที่ไม่ใช่บริเวณนี้ก็ไม่มีใครว่า เพียงแต่ขอชวนว่าอย่าลืมไปทำบุญกันเยอะๆ ทำบุญให้ตนเอง ครอบครัวและบรรพบุรุษที่ล่วงลับรวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ทำแล้วจะมีจิตใจสบาย การงานเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยกันจ้า
เรื่องและภาพ: อรรถกร เจนประเสริฐ

ประกันภัยการเดินทางทราเวลการ์ดจัดแคมเปญ “Adventure New Zealand”


ประกันภัยการเดินทางทราเวลการ์ด เตรียมจัดทริปเที่ยวนิวซีแลนด์ให้กับลูกค้าผู้โชคดี ที่ซื้อประกันภัยการเดินทางทุกประเภทระหว่างวันที่ 15 มี.ค. - 31 พ.ค. 56 รับสิทธิ์ลุ้นเที่ยวนิวซีแลนด์แบบใกล้ชิดกับเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ดารานักแสดงชื่อดัง จากภาพยนตร์เรื่อง กวน มึน โฮ และ เอทีเอ็ม เออรักเออเร่อ จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่งฟรี ในแคมเปญ "Adventure New Zealand" ตามรอยหนังดัง เดอะฮอบบิท (The Hobbit) เยี่ยมชมต้นกำเนิดฟาร์มแกะชื่อดังของนิวซีแลนด์ และเข้าชมการแข่งขันกีฬารักบี้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์
ผู้สนใจสามารถชมรายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติมได้ที่ www.dreamdestination.in.th


หลายรส ข้าวแช่ชาววัง รสเด็ดคู่หน้าร้อน


เข้าเดือนเมษายนทีไร จิตใจจะร้อนรุ่มเป็นพิเศษ เพราะอุณหภูมิภายนอกชวนให้อารมณ์ขึ้นได้ง่าย ๆ ว่าแล้ว We Recommend ไม่รอช้า รีบพุ่งตรงไปหาร้านอาหารที่ทานแล้วช่วยผ่อนคลายกันดีกว่าค่ะ แต่จะแนะนำทั้งที ต้องเลือกที่เด็ดสุด ๆ เพื่อจะได้อิ่มเอมกันอย่างเต็มที่ กับร้านนี้ค่ะ หลายรส ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องรสชาติของข้าวแช่ชาววัง อาหารคู่หน้าร้อนมาตั้งแต่สมัยโบราณค่ะ
หลายรส ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 เปิดมานานกว่า 35 ปี โดดเด่นด้วยเมนูข้าวแช่ที่มีขายตลอดทั้งปี เป็นสูตรโบราณจากวังละโว้ สมัยที่คุณแม่เจ้าของร้าน คุณพิมพร อิ่มประไพ ได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีอยู่ในวัง จึงได้เรียนรู้เรื่องการทำอาหารต้นเครื่องของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ หรือ พระองค์ชายเล็ก ซึ่งคุณแม่เป็นน้องสาวของ หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา ชายาของพระองค์ชายเล็กนั่นเอง
ความแตกต่างของ ข้าวแช่สูตรดั้งเดิม ที่ได้มาจากท่านแม่ของพระองค์ชายเล็ก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล อีกทีนั้น จะมีเครื่องเยอะกว่าปกติ โดยเพิ่มพริกหยวกยัดไส้หมูกับกุ้ง ห่อไข่ด้านนอก และหัวหอมทอด สอดไส้ปลาแห้งปรุงรส ส่วนกะปิทอด จะมีความแตกต่างตรงที่ใช้กะปิสดไม่ได้เอาไปเจียว โดยเอามาตำให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยเอาไปปั้นตากลมให้แห้ง แล้วชุบไข่ทอด จะได้ความหอมกลมกล่อมมากกว่า ส่วนตัวข้าวแช่จะหุงให้เป็นไตก่อน แล้วค่อยเอาไปขัดยางออก พร้อมนึ่งอีกทีให้นุ่มขึ้น ก่อนนำน้ำที่อบเทียนหอม และดอกไม้ค้างคืนไว้มาใส่ เพื่อเพิ่มความหอมนุ่มของข้าวแช่ค่ะ (220 บาท)
นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยอื่น ๆ ที่เป็นสูตรในรั้วในวังแท้ ๆ ซึ่งมีความประณีตพิถีพิถันมากกว่า เห็นได้จากการแกะสลักผักอย่างสวยงาม และการทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอน อย่าง น้ำพริกลงเรือ (110 บาท) ที่ใส่สารพัดเครื่อง ตำกับน้ำพริก ก่อนโรยด้วยหมูหวาน ปลาดุกฟู และไข่เค็มปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ พร้อมกระเทียมดอง ทานกับผักหลายชนิด ห่อหมกทะเลเผา (120 บาท) จะเอาห่อหมกไปเผาไม่ได้เอาไปนึ่ง ให้ความหอมของเครื่องแกงที่เข้ารสกับทั้งเนื้อปลา กุ้ง และหอย อีกเมนู โรตีแกงเขียวหวานไก่ (100 บาท) รสชาติเครื่องแกงเข้มข้นแบบไทยแท้ ทานกับแป้งโรตีบางกรอบ และเมนูทานเล่นอย่าง ปอเปี๊ยะกระเบื้อง (90 บาท) สอดไส้กุ้งกรุบกรอบทานกับน้ำจิ้มหวานได้รสอย่างพอดีค่ะ
อาหารไทยโบราณหลายรสของที่นี่ น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายคน ภายใต้บรรยากาศร้านสบาย ๆ ในโทนสีเขียวฟ้า ที่ดูแล้วสบายตา ทานแล้วสบายใจ จะมาที่นี่หรืออีกสาขาบริเวณริมคลองประปา ถนนพระราม 6 ก็สามารถไปคลายร้อนได้เช่นกันค่ะ
Recommended Dishes
- ข้าวแช่สูตรดั้งเดิม
- น้ำพริกลงเรือ
- ห่อหมกทะเลเผา
- โรตีแกงเขียวหวานไก่
- ปอเปี๊ยะกระเบื้อง
ที่ตั้ง : 120/4-5 (ตรงข้ามโรงพยาบาลสมิติเวช) สุขุมวิท 49 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
โทร : 02-391-3193
เวลาเปิดบริการ : วันจันทร์11.00-15.00 น.วันอังคาร11.00-21.30 น.วันพุธ11.00-21.30 น.วันพฤหัสบดี11.00-21.30 น.วันศุกร์11.00-21.30 น.วันเสาร์11.00-21.30 น.วันอาทิตย์11.00-21.30 น.
ราคาต่อท่านโดยประมาณ : 101-300 บาทต่อคน
สัญชาติอาหาร : ไทย
ประเภทอาหาร : อาหารจานเดียว, ไทย-อีสาน, ชา-กาแฟ, ของหวาน
รูปแบบการให้บริการ : ร้านอาหารทั่วไป
เหมาะสำหรับ : ครอบครัว, สังสรรค์ปาร์ตี้, นั่งชิลๆ, จัดเลี้ยงโอกาสพิเศษ, คุยธุรกิจ
ที่จอดรถ : ริมถนน

ไอศกรีมหม้อไฟ อิ่มอร่อย คลายร้อน


ใครยังไม่อิ่มหนำกับการเล่นน้ำคลายร้อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมา วันนี้ We Recommend มีหนึ่งร้านที่ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นลงแบบตัวไม่เปียก แถมยังอิ่มท้องมาให้ลิ้มลองกัน กับร้าน "Tongue Fun" ในบริเวณซอยยศเส หรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า "ไอศกรีมหม้อไฟ" ค่ะ
กว่าจะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงขนาดทุกวันนี้ เจ้าของร้าน คุณโช เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้หุ้นกับเพื่อนขายไอศกรีมธรรมดา จนตอนหลังแยกมาทำคนเดียว เลยอยากหาอะไรที่เป็นเอกลักษณ์แปลกใหม่ ด้วยความที่เคยทำงานเอเจนซี่โฆษณามาก่อน จึงชอบคิดอะไรที่แตกต่าง พยายามหาอะไรที่ตรงข้ามกับความเย็นของไอศกรีมมาลองใส่ดู สุดท้ายเลยมาลงตัวที่หม้อไฟ แล้วเพิ่มน้ำแข็งแห้ง Food Grade ที่รับรองความปลอดภัย ใส่ลงไปตรงกลาง ให้มีควันขึ้นมาดูสมจริง ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจจนติดใจใครหลายคนเลยค่ะ
เพียงแค่แพ็กเกจภายนอกอย่างเดียวคงดังไม่ได้ ต้องควบคู่กับความอร่อยของรสชาติไอศกรีมที่เป็นจุดเด่นของร้านนี้ไปด้วยค่ะ กับหลากหลายรสที่หาทานไม่ได้ที่ไหนที่มีกว่า 20-30 รส ที่หลายคนยกนิ้วให้เป็น รสโคตรนม ซึ่งเป็นรสแรกที่พยายามสร้างสรรค์ความต่าง โดยใส่นมเพิ่มเข้าไปเป็นดับเบิ้ล จนได้ความเข้มข้นหวานมันของนมแบบเต็ม ๆ
ต่อมาเป็นบรรดารสที่ผสมแอลกอฮอลล์ก็ฮอตไม่เบา อย่าง รสเบียร์ ที่ไม่หนักจนเกินไป หรือ รสกระทิงแดงวอดก้า ที่เกิดปิ๊งไอเดียจากตอนไปสำรวจตลาดที่เวียดนาม ซึ่งคนที่นั่นนิยมดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาก เลยลองทำ ปรากฏคนไทยก็ชอบไม่แพ้กันค่ะ หรือเป็นรสที่คุ้นเคย อย่าง รสสตอว์เบอร์รี่ ช็อกโกแลตบราวนี่ ยาคูลท์ปีโป้ หรือ นูเทลล่า ก็ทำออกมาได้ลงตัวเช่นกัน ราคาเพียงลูกละ 25, 28 และ 30 บาทเท่านั้นค่ะ
หากร้อนนี้อยากมาลิ้มรสความสนุก ไอศกรีมหม้อไฟเปิดต้อนรับอยู่ถึง 3 สาขาค่ะ ทั้งที่ ซอยยศเส ร้านแรกต้นตำรับ เปิดเวลา 19.00-23.00 น. สาขา Terminal 21 จะมีหม้อไฟไซส์เล็กด้วย สามารถมาทานได้ทั้งวัน ตั้งแต่ 10.00-22.00 น. อยู่บริเวณ Food Court และสาขาล่าสุดที่ ลาดพร้าว 71 เปิดเวลา 10.00-21.00 น. จะเลือกไปทานที่ไหนก็ได้อิ่มหนำแบบเย็น ๆ สนุก ๆ เพิ่มสีสันให้ซัมเมอร์นี้ไม่มีเบื่อค่ะ

ที่ตั้ง : ซอยยศเส ถนนพลับพลาไชย (ใกล้วัดเทพศิรินทร์) ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
โทร : 08 9111 6836, 0 2956 1099
เวลาเปิดบริการ : ทุกวันเวลา 19.00-23.00 น.
ราคาต่อท่านโดยประมาณ : ต่ำกว่า 100 บาทต่อคน
สัญชาติอาหาร : ไทย
ประเภทอาหาร : ไอศกรีม
รูปแบบการให้บริการ : ร้านไอศกรีม
เหมาะสำหรับ : นั่งชิลๆ
ที่จอดรถ : ริมถนน ,ในซอย

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

คู่มือเที่ยว 9 เกาะทะเลไทย...งดงามเกินบรรยาย


คู่มือ 9 เกาะทะเลไทย (อ.ส.ท.)
           ทะเลไทย...ได้รับการกล่าวขานไปทั่วโลกว่ามีความงดงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม นั่นทำให้ทะเลไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเยือนทะเลไทยเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่างประทับใจกับความงามของเกาะและชายหาด ทั้งทางฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งคู่มือ "9 เกาะทะเลไทย" เล่มนี้ จะนำความสวยงามของเกาะในทะเลอันดามัน ที่กล่าวกันว่าชายหาดขาว ทรายละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าใส รวมทั้งเกาะทางด้านอ่าวไทย ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงแรม รีสอร์ท การเดินทางเข้าถึง และมีความงดงามเป็นเสน่ห์ที่ไปอาจมองผ่านเลย...มาแนะนำ

           ทางด้านทะเลอันดามัน หรือทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้ เราคัดสรรเกาะและชายหาดมาเฉพาะแหล่งที่หาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าสดใสและเขียวมรกต ซึ่งเชื่อว่าทุกแหล่งเป็นสุดยอดของจุดหมายปลายทางที่คนรักทะเลไม่อยากพลาดการไปเยือน โดยมี เกาะตาชัย ที่กำลังฮอตฮิตมาเป็นแกนนำ ตามมาด้วย เกาะสี่ และ เกาะแปด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จากนั้นไปดำน้ำตื้นกันต่อที่ อุทยานแห่งชาติดบู่เกาะสุรินทร์ ก่อนจะ ข้ามไปยังจังหวัดกระบี่ สัมผัส อ่าวมาหยา และ เกาะรอก ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเพชรประดับมงกุฎแห่งอันดามัน
           ข้ามแผ่นดินมาสู่อ่าวไทยกันบ้าง แน่นอนว่าต้องไม่พลาด เกาะสมุย ดินแดนแห่งมะพร้าวแสนสวย ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก จากนั้นไปเยือนดินแดนต้นกำเนิดของเทศกาลพระจันทร์เต็มดวง หรือ Full Moon Party ที่คนทั่วโลกอยากมาสัมผัสที่ เกาะพะงัน และจะพลาดไม่ได้กับดาดทรายขาว ๆ น้ำทะเลใส ๆ หมู่เกาะอ่างทอง เราจัดรวมเอาไว้ให้ครบถ้วน พูดได้ว่าทุกแห่งที่เลือกเฟ้นมาแนะนำนี้เป็นหมู่เกาะที่มีธรรมชาติงดงาม ที่ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีความสุขล้นหัวใจ

สำหรับ 9 เกาะทะเลไทย มีดังนี้...  
 เกาะตาชัย...ชายหาดสวรรค์ จังหวัดพังงา


           ปัจจุบันชื่อของเกาะตาชัยกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักเดินทางผู้รักทะเล เกาะแห่งนี้เพิ่งได้รับทางบรรจุให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน เกาะตาชัยเป็นเกาะลำดับที่ 9 ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งทางอุทยานฯ ยังไม่เปิดให้พักค้างแรมบนเกาะ แต่สามารถท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็น เกาะตาชัยมีชายหาดยาวกว่า 500 เมตร และชายหาดค่อย ๆ ลาดลงสู่ทะเล

           ลักษณะเด่นของเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ที่ชายหาดสีขาวและเม็ดทรายละเอียด ที่ใครหลายคนบอกว่าคล้ายครีมเทียมตัดกับสีฟ้าใสของน้ำทะเล ซึ่งดูงดงามและสบายตายิ่งนัก เพียงได้เห็นครั้งแรกจะรู้สึกตื่นตากับภาพตรงหน้า อาจกล่าวได้ว่าที่นี่มีทรายสวยที่สุดและน้ำทะเลใสที่สุดในประเทศไทย นั่นก็เป็นเพราะเกาะตาชัยอยู่ห่างจากฝั่งมากที่สุด ทำให้ไม่มีสิ่งรบกวนจากเมืองลงมาสร้างปัญหาโดยรอบ เกาะมีจุดดำน้ำตื้นหลายจุดให้สัมผัสกับโลกใต้ทะเลที่แสนงดงาม บนเกาะตาชัยยังเป็นแหล่งอาศัยของ"ปูไก่" ซึ่งเป็นสัตว์หายาก แต่มีอยู่บนเกาะนี้เยอะมาก บางคราวอาจจะเดินมาโชว์ตัวริมหาดทรายกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีนกอีกหลายสิบชนิด ค้างคาวแม่ไก่ และสัตว์น้ำจืด ทั้งปลา กุ้ง หอย ในบึงด้านที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

          ปัจจุบันการเดินทางไปยังเกาะตาชัยยังไม่มีเรือโดยสารประจำทางให้บริการ ต้องใช้วิธีซื้อบริการทัวร์แบบไปเช้า-กลับเย็น มีหลายบริษัทให้บริการ แนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบราคาและวันเดินทาง


      การเดินทาง 

          จากจังหวัดพังงา วิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการบริษัททัวร์ เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยังเกาะตาชัย บริษัททัวร์ผู้ให้บริการในเส้นทางนี้ คือ…

         
 Love Andaman โทรศัพท์ 0 7648 6095 – 6, 08 700 3344

         
 D. Time Travel โทรศัพท์ 0 7648 5236, 08 1894 2499

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7645 3272 โทรสาร 0 7645 3273
 เกาะสี่...น้ำทะเลสีฟ้าใส จังหวัดพังงา


          ชายหาดขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส กับแสงแดดที่ส่องลงมาขับให้สีฟ้าของน้ำทะเลดูงดงามแปลกตายิ่งนัก ที่เป็นเช่นนี้เพราะหน้าเกาะสี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ไม่มีกลุ่มก้อนหินหรือกลุ่มปะการังอยู่เลย มีเพียงหาดทรายที่ค่อย ๆ ทอดลงไป ทำให้แลงที่สะท้อนลงไปใต้น้ำขับให้สีน้ำทะเลดูสวยกว่าที่ใดในประเทศไทย

          สำหรับเกาะสี่ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแล้ว ยังเป็นจุดค้างแรมที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเกาะของเขตอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลันอีกด้วย ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ทั้งบ้านพัก เต็นท์นอน และร้านอาหาร รวมทั้งมีจุดท่องเที่ยวหลายแหล่ง เช่น จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ชมพระอาทิตย์ขึ้น และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จะทำให้เรามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของป่าเกาะ ซึ่งมีระบบนิเวศที่น่าสนใจยิ่งนัก นอกจากนี้ บริเวณรอบเกาะยังเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่มีปลาสวยงามหลายชนิดอาศัยอยู่ รวมทั้งฟองหินที่มีความแปลกตา

         การจะพักแรมบนเกาะสี่ ควรติดต่อขออนุญาตอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลันล่วงหน้า เพราะที่พักอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (เดือนพฤศจิกายน-เมษายน)


     การเดินทาง 

         จากจังหวัดพังงาวิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกที่สุด คือ ใช้บริการบริษัททัวร์ เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยังเกาะสี่ หมู่เกาะสิมิลัน

         บริษัททัวร์ผู้ให้บริการในเต้นทางนี้ คือ

        
 Love Andaman โทรศัพท์ 0 7648 6095 – 6, 08 700 3344

        
 D. Time Travel โทรศัพท์ 0 7648 5236, 08 1894 2499

        
 เม็ดทราย ทัวร์ โทรศัพท์ 0 7644 3276, 08 6663 4666

        
 ซี สตาร์ อันดามัน โทรศัพท์ 0 7648 5595, 08 1891 9255

         สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7645 3272 โทรสาร 0 7645 3273


 เกาะแปด...มหัศจรรย์หินเรือใบ จังหวัดพังงา

 

          สัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน คือหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่เหนือชายหาดสีขาวละเอียด และผืนน้ำทะเลใสสีฟ้า ลักษณะคล้ายกับเรือที่กางใบเต็มที่ จนเป็นที่มาของชื่อเรียกหินก้อนนี้ว่า “หินเรือใบ” เกาะแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมายในการมานอนอาบแดด เล่นน้ำด้านหน้าเกาะ รวมถึงการดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น ปลาการ์ตูน หรือดอกไม้ทะเลบริเวณด้านหลังเกาะ ซึ่งนับได้ว่ามีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง

          นอกจากนี้ ยังสามารถเดินขึ้นไปยังด้านบนบริเวณหินเรือใบ เพี่อชมทิวทัศน์มุมกว้างของเกาะได้อีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่าผืนน้ำรอบ ๆ เกาะแปดมีความงดงามแตกต่างกันไป ด้านหน้าเกาะเป็นสีฟ้าใส เพราะน้ำไม่ลึกนัก ก่อนจะไล่โทนสีไปถึงสีเขียว และเข้มจนเป็นสีน้ำเงินไปจนถึงสีมิดไนต์บลู ที่สำคัญจุดนี้สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย
          เกาะแปดเปิดให้นักท่องเที่ยวพักแรมด้างคืนบนเกาะได้ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมควรติดต่อขออนุญาตพักแรมบนเกาะแปดล่วงหน้า เพราะที่พักอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (เดือนพฤศจิกายน- เมษายน)
 

      การเดินทาง 

           จากจังหวัดพังงา วิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการบริษัททัวร์ เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยังเกาะแปด หมู่เกาะสิมิลัน

           บริษัททัวร์ผู้ให้บริการในเต้นทางนี้ คือ

          
 Love Andaman โทรศัพท์ 0 7648 6095 – 6, 08 700 3344

          
 D. Time Travel โทรศัพท์ 0 7648 5236, 08 1894 2499

          
 เม็ดทราย ทัวร์ โทรศัพท์ 0 7644 3276, 08 6663 4666

          
 ซี สตาร์ อันดามัน โทรศัพท์ 0 7648 5595, 08 1891 9255

           สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7645 3272 โทรสาร 0 7645 3273

 หมู่เกาะสุรินทร์...ความงามของปะการังน้ำตื้น จังหวัดพังงา



           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้รับการกล่าวขานว่ามีปะการังน้ำตื้นที่งดงามและยิ่งใหญ่ติดอันดับโลก แม้หลังจากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวและสึนามิ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากในระบบนิเวศของปะการังบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ทว่าปัจจุบันธรรมชาติใต้ท้องทะเลกำลังฟื้นตัว และมีความงดงามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่นานนักโลกใต้ทะเลของหมู่เกาะสุรินทร์จะกลับมาสร้างความตื่นตาให้กับผู้คนจากทั่วโลกอีกครั้ง

           แหล่งดำน้ำชมปะการังที่ยังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ บริเวณอ่าวช่องขาด อ่าวเต่า เกาะตอรินลา อ่าวจาก อ่าวไม้งาม อ่าวผักกาด เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่งมีความพิเศษของโลกใต้ทะเลซ่อนจากสายตาของเราเอาไว้ รอเวลาให้ไปพิสูจน์ ส่วนชายหาดที่งดงามของหมู่เกาะสุรินทร์ก็ต้องยกให้อ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งาม ที่มีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใส ในบริเวณดังกล่าวยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากอ่าวช่องขาดไปยังอ่าวไม้งามระยะทาง 2 กิโลเมตร เพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมพืชชายหาด พืชป่าเกาะ และสัตว์ต่าง ๆ

          สำหรับที่อ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งาม ทางอุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์อนุญาตให้พักค้างแรมได้ควรติดต่อล่วงหน้า เพราะที่ฟักอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (เดือนพฤศจิกายน- เมษายน)


       การเดินทาง 

           จากจังหวัดพังงา วิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการบริษัททัวร์ เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์

           บริษัททัวร์ผู้ให้บริการในเส้นทางนี้ คือ

          
 ซาบีน่า ทัวร์ โทรศัพท์ 08 1737 5801, 08 1737 2625

          
 คุระบุรี กรีนวิว ทราเวล โทรศัพท์ 0 7647 2070 - 1

           สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 82150 โทรศัพท์ 0 7647 2145, 0 7647 2146 โทรสาร 0 7647 2147

 เกาะรอก...หาดสวรรค์ทะเลงาม จังหวัดกระบี่


           สีเขียวใสของน้ำทะเลกับหาดทรายขาวหน้าเกาะรอก ทำให้ใครหลายคนที่ได้มาเยือนต่างบอกว่าประทับใจ เนื่องจากเป็นความเขียวของน้ำทะเลที่ใสมาก ๆ กับหาดทรายขาวละเอียด พูดได้ว่าไม่แพ้หาดใดในประเทศไทย ซึ่งบริเวณด้านหน้าหาดยังเป็นแหล่งปะการังน้ำตื้นที่มีระดับความลึกไม่มากนัก จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถสนุกกับการดำน้ำตื้นชมปะการังกันได้อย่างสบาย ๆ

          เกาะรอกนอกจากจะมีชายหาดสวยงามและน้ำใสดุจกระจกแล้ว ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จุดชมวิวบนยอดเขา จุดชมพระอาทิตย์ ตกดินที่สวยงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนรักการถ่ายภาพ จะไม่พลาดช่วงเวลาเช่นนี้แน่นอน

          เกาะรอกอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ แต่สามารถเดินทางจากจังหวัดตรังได้ด้วยระยะทางที่ใกล้กว่า และมีบริษัททัวร์ให้บริการ ทั้งเรือเร็วและเรือหางยาว

 การเดินทาง 

          จากจังหวัดตรัง วิธีการเดินทางทองเที่ยวที่สะดวกที่สุด คือ ใช้บริการบริษัททัวร์ เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยังเกาะรอก

          บริษัททัวร์ผู้ให้บริการในเส้นทางนี้ คือ

         
 ตรัง ทัวร์ โทรศัพท์ 08 7823 7799

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ 81150 โทรศัพท์ 0 7566 0711 – 2 โทรสาร 0 7566 0711 อีเมล Lanta_np@hotmail.com


   อ่าวมาหยา...ทะเลงามในโอบล้อมของกำแพงภูผา จังหวัดกระบี่
 

         กำแพงผาหินปูนขนาดใหญ่โอบล้อมผืนน้ำสีฟ้าใสที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวใสเมื่อห่างออกมาจากชายหาด และเป็นสีเขียวเข้มเมื่อลงไปสู่พื้นที่ลึก ๆ บริเวณนี้คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ซึ่งต่างรู้สึกถึงความสบาย เงียบสงบท่ามกลางหาดขาว แดดสวย หลายคนอาจเคยชมภาพยนตร์เรื่อง The Beach ซึ่งใช้อ่าวมาหยาอันเป็นสวนหนึ่งของเกาะพีพีเล อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นสถานที่ถ่ายทำ จนอ่าวมาหยากลายเป็นแหล่งทองเที่ยวที่มีผู้คนรู้จักไปทั่วโลก หลายคนอดใจไม่ไหว ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง

         ใครได้มาเยือนหาดทรายในเวิ้งอ่าวแห่งนี้แล้วไม่หลงรัก ต้องบอกว่าใจแข็งมาก เพราะเพียงแรกเห็นอ่าวมาหยาหลายคนก็ตกหลุมรักแล้ว สำหรับกิจกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอ่าวมาหยา ส่วนใหญ่เน้นการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น นอนอาบแดด พายเรือคายัก หรือปีนหน้าผา ซึ่งจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามไปอีกแบบ

         ทางอุทยานฯ หาดนพรัตน์ ธารา-หมู่เกาะพีพีอนุญาตให้พักค้างแรมบนอ่าวมาหยาได้ โดยต้องนำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปเอง และควรติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า



     การเดินทาง  

         จากจังหวัดกระบี่ วิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกที่สุด คือ ใช้บริการเรือทัวร์ เพราะเรือใหญ่ให้บริการเฉพาะเส้นทางเกาะพีพี ไปไม่ถึงเกาะพีพีเล ต้องเหมาเรือหางยาว หรือซื้อทัวร์แบบไปเช้า-กลับเย็นจะสะดวกที่สุด

         บริษัททัวร์ผู้ไห้บริการในเส้นทางนี้ คือ

        
 เกาะพีพี ทัวร์ โทรศัพท์ 08 1477 4857, 08 7885 0880

        
 ทัวร์กระบี่ โทรศัพท์ 0 7563 2212, 08 9650 9110

         สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000 โทรศัพท์ 0 7563 7200, 0 7566 1145



 เกาะสมุย...สวรรค์แห่งอ่าวไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี



         เกาะสมุย ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของคนรักหาดทราย ท้องทะเล และแสงแดด ที่ผู้คนจากทั่วโลกวางแผนการเดินทางไว้เป็นหนึ่งในจุดหมาย จากวันแรกที่คนต่างถิ่นเดินทางมาถึงดินแดนแสนไกลแห่งนี้ แล้วนำเรื่องราวออกสู่สายตาชาวโลก จากวันนั้นถึงปัจจุบันทำให้ที่นี่แปรสภาพที่พักจากแบบกระท่อมเล็ก ๆ กลายเป็นที่พักหลากหลายระดับ เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวย ความสะดวกมากมาย แต่มนต์เสน่ห์ของเกาะสมุยก็ยังไม่เสื่อมคลายลง ด้วยมีธรรมชาติที่ยังคงงดงามอยู่นั่นเอง

         เกาะสมุยได้รับการกล่าวขานว่างามดั่งสวรรค์กลางอ่าวไทย เนื่องจากมีหาดทรายขาวละเอียด และมีต้นมะพร้าวสูงชะลูดเป็นทิวเลียบเลาะริมฝั่งตลอดแนว นับเป็นภูมิทัศน์ในฝันของนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามของธรรมชาติอย่างหาดเฉวง ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้ มีชายหาดทอดตัวเป็นวงโค้งสวยงามน้ำทะเลใส เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะหาดเฉวงเหนือและหาดเฉวงกลาง ซึ่งมีบรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ มีโรงแรมหรู ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านค้าเครื่องประตับ ยามค่ำคืนจะเต็มไปด้วยสีสันของแหล่งบันเทิง และยังเป็นศูนย์กลางแห่งกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย



         หาดละไม เป็นอีกหาดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสวรรค์กลางอ่าวไทย เพราะเป็นหาดที่สร้างซื่อเสียงให้กับเกาะสมุยอย่างมากเช่นเดียวกัน สวยงามด้วยทิวมะพร้าวเป็นแนวยาวตลอดริมฝั่ง มีหาดทรายขาวละเอียดใกล้กันยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย เช่น ศูนย์วัฒนธรรมวัดละไม ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้เก่าแก่ ที่บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของชาวเกาะสมุยตั้งแต่อดีตได้เป็นอย่างดี เช่น ตะเกียงโบราณ เครื่องมือ การเกษตร รองเท้าหนังควาย และผลิตภัณฑ์จากต้นมะพร้าว เป็นต้น

         สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้รวมกันจนกลายเป็นหน้าตาของเกาะสมุยที่ยังคงมีความงามของธรรมชาติ ทว่า แฝงด้วยความเก๋ของโรงแรม รีสอร์ท ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติ และที่นี่จะมีผู้คนเลือกเป็นจุดหมายปลายทางไปอีกนานแสนนาน หากว่าธรรมชาติยังคงงดงามเช่นที่เป็นอยู่อย่างในอดีตและปัจจุบัน

     การเดินทาง 
 
         จากสุราษฎร์ธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 มุ่งหน้าไปอำเภอดอนสัก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4142 ไปยังท่าเรือดอนสัก เพื่อต่อเรือข้ามไปยังเกาะสมุย ซึ่งมี 2 ท่า ได้แก่ ซีทราน เฟอร์รี่ และ ราชาเฟอร์รี่ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ควรจองเรือทั้งไปและกลับ เพราะจะมีผู้ใช้บริการหนาแน่นในฤดูกาลท่องเที่ยว

         สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี เลขที่ 5 ถนนตลาดใหม่ ตำบลบ้านดอน อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทรศัพท์ 0 7728 8817-9 โทรสาร 0 7728 2828

 เกาะพะงัน...พระจันทร์เต็มดวงเหนือหาดงาม จังหวัดสุราษฎร์ธานี


         เกาะพะงัน ดินแดนที่ทั่วโลกรู้จักกันว่าเป็นสถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้ ซึ่งได้รับการบันทึกไว้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางจากผู้คนทั่วโลกว่า สักคืนที่พระจันทร์เต็มดวงต้องมาเยือนที่นี่ให้ได้

         เกาะพะงันเป็นเกาะที่สวยงาม มีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเล ด้วยน้ำทะเลสะอาดใส หาดทรายเนียนละเอียด ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติอย่างมาก ยิ่งในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง เกาะพะงันจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีงานฟูลมูนปาร์ตี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำที่บริเวณหาดริ้น เป็นที่กล่าวขานกันว่าเกาะพะงันเป็นสถานที่ชมพระจันทร์เต็มดวงที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

         นอกจากเกาะพะงันจะมีชายหาดคึกคักในช่วงค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงแล้ว ในช่วงเวลาปกติชายหาดต่าง ๆ ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอ่าวท้องนายปาน หรืออ่าวเกาะม้า ที่ปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างสูง
 

      การเดินทาง 

          จากสุราษฎร์ธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 มุ่งหน้าไปอำเภอดอนสัก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4142 ไปยังท่าเรือดอนสัก ขึ้นเรือของบริษัทราชา เฟอร์รี่ ไปยังเกาะพะงัน ควรจองเรือทั้งไปและกลับ เพราะจะมีผู้ใช้บริการหนาแน่นในฤดูกาลท่องเที่ยว

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี เลขที่ 5 ถนนตลาดใหม่ ตำบลบ้านดอน อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทรศัพท์ 0 7728 8817-9 โทรสาร 0 7728 2828

  หมู่เกาะอ่างทอง...มหัศจรรย์แห่งทะเลใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ความมหัศจรรย์แห่งทะเลอ่าวไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยมีธรรมชาติที่งดงามแปลกตา ไม่ว่าจะเป็น "ทะเลใน" แห่งเกาะแม่เกาะ ที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ หรือจะเรียกว่าทะเลสาบกลางภูเขา ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาหินปูน น้ำที่เห็นในบริเวณดังกล่าวจึงมีสีสันแปลกตาออกไปจากน้ำทะเลด้านนอก
         บริเวณที่ทำการอุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทอง หรือเกาะวัวตาหลับ มีจุดชมทิวทัศน์บนยอดเขา ระยะทาง 500 เมตร ที่กล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว โดยเมื่อขึ้นไปอยู่บนยอดสูงสุด สามารถมองเห็นหมู่เกาะอ่างทองได้ทั้งหมด มีลักษณะทอดตัวเรียงรายเป็นแนวยาวด้วยรูปร่างต่าง ๆ ของเกาะที่สวยงามแปลกตา ด้านหน้าหาดของเกาะวัวตาหลับมีชายหาดยาวเหยียดสีขาวสะอาด เหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งจุดนี้สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย

         นอกจากนี้ ในเขตอุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทองยังมีสถานที่น่าลนใจอีกหลายแห่ง เช่น เกาะท้ายเพลา เกาะวัวกันตัง เกาะหินดับ ซึ่งแต่ละแห่งนั้นมีความสวยงามน่าประทับใจไม่แพ้กัน
 

       การเดินทาง 
 

           เริ่มต้นที่เกาะสมุยจะสะดวกที่สุด เนื่องจากมีเรือโดยสารให้บริการท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือจะค้างคืนแล้วกลับอีกวันก็สามารถเดินทางไปกับเรือนี้ได้

           สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เลขที่ 145/1 ถนนตลาดล่าง ตำบลตลาด อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทรศัพท์ 0 7728 6025, 0 7728 0222 โทรสาร 0 7728 6588